ข้อผิดพลาดของคนหางาน
คุณ “คนหางาน” เขียนอีเมล์มาหาผม อธิบายว่า เธอเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ และกำลังหา งานอยู่ เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการหางานของเธอ จึงรู้สึกประหม่ามาก ถึงแม้ว่าจะได้ศึกษา วิธีการหางานและวิธีการเขียน resume จากที่อาจารย์ที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัยและจาก อินเตอร์เน็ทมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหวั่นๆอยู่ เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะลืมทำอะไรอีก หรือทำ อะไรที่เหมือนคนอื่นๆ จนเกินไป จนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำกันนั้นเป็นความผิดพลาดในการหางานหรือ ไม่ ดังนั้นคำถามของเธอก็คือ อะไรบ้างที่เป็นข้อผิดพลาดที่คนหางานส่วนใหญ่มักทำเป็นประจำ นานๆ จะมีน้องๆนักศึกษาเขียนมาถามคำถามผมบ้าง ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ยินดีต้อนรับ สู่โลกของการทำงาน สำหรับคำถามที่น้องถามมานั้น ผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะใน ตอนนี้คงมีหลายล้านคนในประเทศไทยที่กำลังหางานทำกันอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เด็กจบใหม่กลุ่ม เดียวเท่านั้น ยังมีคนที่เพิ่งออกจากงานเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องหางานใหม่ ทำเช่นกัน

ถ้าถามผมว่าอะไรเป็นความผิดพลาดที่คนหางานทำเป็นประจำ สิ่งแรกเลยก็คือ เรื่องของ ทัศนคติ อย่าเพิ่งงงว่า ทัศนคติเกี่ยวอะไรกับข้อผิดพลาด ที่ผมกำลังจะบอกคือเรื่องของทัศนคติใน แง่ลบเกี่ยวกับการหางาน หลายคนไม่ค่อยภูมิใจในตัวเอง ยอมแพ้ตั้งแต่ออกจากบ้าน คิดไปก่อน แล้วว่าเราไม่ดี คงสู้คนอื่นเขาไม่ได้ สมัครไปก็คงไม่ได้งาน

ถ้าคิดเช่นนั้นแล้วล่ะก็ นั่นเป็นข้อผิดพลาดอย่างแรกของคุณเลยทีเดียว เพราะทัศนคติใน แง่ลบจะส่งผลให้คุณไม่มีความพยายามในการหางาน การประหม่ากับทัศนคติในแง่ลบไม่เหมือน กันนะครับ อย่าเข้าใจผิด คนทุกคนเกิดอาการประหม่าหรือกลัวได้ในเวลาที่เราต้องทำอะไรที่ไม่ เคยทำมาก่อน แต่ทัศนคติในแง่ลบ คือ การตอกย้ำตัวเองว่าเราคงไม่สำเร็จ จนในที่สุดเลยส่งผลให้ ไม่สำเร็จจริงๆ อย่างที่คิด เพราะทัศนคติในแง่ลบจะทำให้คุณไม่พยายามอย่างเต็มที่ในการหางาน คุณจะพยายามหาเหตุผลให้กับตนเองเสมอว่าทำไมจึงทำไม่ได้ เช่นบริษัทนี้เพื่อน “เอ” ส่งใบสมัคร เข้าไป เขาฉลาดกว่าเราตั้งเยอะ ยังไม่ได้รับการเรียกไปสัมภาษณ์เลย แล้วเราจะได้หรือ งั้นไม่ต้อง เสียเวลาส่งใบสมัครไปดีกว่าเพราะยังไงก็ไม่ได้อยู่ดี ! หรือบริษัทนี้พี่ “บี” ส่งใบสมัครไป เขามี ประสบการณ์ในการทำงานมาตั้งสองปีแล้ว บริษัทยังไม่สนใจเลย แล้วเราจะส่งไปทำไม ! เป็นต้น

นอกจากการไม่พยายามส่งใบสมัครแล้ว มันยังมีผลต่อแนวทางการเขียน resume ของ คุณเองด้วย เพราะเมื่อคุณมีทัศนคติในแง่ลบ คุณก็จะไม่ใส่ใจในการเขียน resume ให้ดีคุณจะเขียนเพียงเพื่อให้มี resume อยู่ในมือเท่านั้น อย่างน้อยจะได้รู้สึกว่าคุณพยายามทำแล้ว --- แบบนี้เรียกว่าหลอกตัวเอง!

ต่อมาคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีเป้าหมายในการหางาน คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า คุณต้องการหางานแบบไหน ไม่ใช่เพียงแค่โปรยๆใบสมัครไปเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนจะ ทำให้คุณมุ่งเน้นไปในการหางานได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการทำงานด้าน IT คุณก็จะ เริ่มมองหาบริษัทที่มีงาน IT ที่น่าสนใจสำหรับคุณ และใน resume ของคุณเอง คุณก็จะเขียนโดย มุ่งเน้นความสามารถของคุณไปที่งาน IT ซึ่งนั่นรวมไปถึงประสบการณ์ กิจกรรมต่างๆ และรางวัล ที่คุณเคยได้รับที่เกี่ยวข้องกับ IT --- ทำแบบนี้เรียกว่าหางานแบบมีโฟกัส

ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน resume ของคุณก็จะเป็น resume ที่เขียนแบบกลางๆ แบบเดียวกับที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้รับทุกวันๆ ไม่มีความโดดเด่น ไม่มีสีสัน จากนั้นคุณคงพอ จะเดาได้แล้วว่า resume ที่เหมือนๆกันเหล่านี้จะไปอยู่ที่ไหน ?
ถัดมาคงเป็นเรื่องของการเขียน resume หลายคนเข้าใจว่า resume คือประวัติย่อๆ ของ เรา นั่นถูกเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ถูกคือ คุณต้องเข้าใจด้วยว่า resume เป็นเหมือน ด่านหน้า ที่จะทำให้นายจ้างสนใจและอยากพูดคุยกับคุณ resume ที่เขียนย่นย่อมากจนเกินไป จะทำให้คนอ่านไม่เข้าใจว่าคุณเป็นอย่างไร มีคุณสมบัติอะไรที่น่าสนใจ

Resume ที่ดีควรจะเป็นแบบที่ย่อในสิ่งที่คุณควรย่อ เช่นเรื่องของสมาชิกในครอบครัว และ เน้นในสิ่งที่ควรเน้น เช่นความสามารถต่างๆที่เรามี รางวัลที่เราได้ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำมา ที่สำคัญ resume เป็นประวัติของเราเอง การที่เราเขียนและอ่านทบทวนเอง เป็นสิ่งที่ไม่แนะนำ เพราะไม่ว่าคุณจะเขียนอย่างไร คุณก็คงจะเข้าใจแน่นอน (เพราะมันเป็นประวัติของเราเอง) ข้อแนะนำของผมคือ คุณต้องเอา resume ที่คุณเขียนไปให้คนอื่นอ่าน ดูซิว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ คุณเขียนหรือไม่ เพราะสุดท้ายคนที่จะอ่านและให้งานคุณก็เป็นคนอื่นเหมือนกัน

ข้อผิดพลาดถัดมา คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขาดวินัยในการหางาน อย่างที่เราเข้าใจกันดีว่า ตอนนี้เป็น “ตลาดของนายจ้าง” นายจ้างมีตัวเลือกมากมาย ดังนั้นการแข่งขันสำหรับคนหางานจึง มีอยู่สูง คุณในฐานะคนหางาน จึงต้องมีวินัยในการออกไปหางานทุกวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เพราะยิ่ง คุณออกไปหางานมากเท่าไร คุณยิ่งมีโอกาสในการได้งานมากเท่านั้น อย่ารอและหวังแต่จะให้โชค ช่วยคุณเพียงอย่างเดียว

สุดท้ายสำหรับข้อผิดพลาดที่ผมจะพูดถึงคือ การไม่ศึกษาองค์กรที่สมัครงานก่อนที่จะไป สัมภาษณ์จริง โลกในปัจจุบันมีระบบการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ท หลายองค์กรมีเว็บไซล์เป็นของตนเอง ดังนั้นถ้าคุณจะไปสัมภาษณ์งานกับองค์กรใดก็ตาม ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาเกี่ยวกับองค์กร นั้นๆ ไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เขามี ธุรกิจโดยภาพรวม ฯลฯ เพราะผู้ สัมภาษณ์งานจำนวนไม่น้อยมักถามคนสมัครงานว่า คิดอย่างไรกับเว็บไซส์ขององค์กร เพราะ คำถามแบบนี้วัดได้ว่าผู้สมัครมีความสนใจและใส่ใจมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ “มั่ว” ไม่ได้ด้วย และนี่คือข้อผิดพลาดของคนหางานที่พบเห็นอยู่เป็นประจำ ถ้าคุณกำลังหางานและได้

อ่านบทความนี้ หวังว่าคุณคงจะไม่ดำเนินตามรอยแห่งความผิดพลาดที่ได้กล่าวมาแล้วนะครับ... ขอให้โชคดี!

อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ออคิด-สลิงชอท จำกัด



หางาน | บทความอื่นๆ
บริษัท ไทยเว็บ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
2/152 ซอยเพชรเกษม 114 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10160
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี : 0105553027232
Tel : 02-810-8300 (จ.-ศ.08.30 - 17.30 น.) , 085-8213121 (24 ชม.) Fax : 02-810-8301
Email : [email protected] (ฝ่ายขาย) [email protected] (ฝ่ายบริการลูกค้า)
เพิ่มเพื่อน
0